รูปเซลฟีที่คุณถ่ายและโพสต์ในอินสตาแกรม ไม่ได้อยู่แค่ในโทรศัพท์มือถือหรือแอคเคานต์โซเชียลมีเดียของคุณอย่างที่เข้าใจหรอกนะ แต่รูปเหล่านั้นอาจไปอยู่ที่ไอซ์แลนด์! 

ท่ามกลางเทือกเขาอันหนาวเหน็บ หิมะปกคลุมบนยอดเขาสูง ทะเลสาบกลายเป็นลานน้ำแข็ง นั่นคือที่ตั้งของโรงไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ชื่อว่า Nedre Røssåga ในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับครัวเรือนได้ถึง 100,000 หลัง 

Credit: Statkraft

ที่นี่คือหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydropower Plant) ที่กระจายตัวอยู่หลายร้อยแห่งทั่วนอร์เวย์ไปจนถึงพรมแดนภูมิภาคนอร์ดิก อันประกอบไปด้วยประเทศสวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์และไอซ์แลนด์ จำนวนโรงไฟฟ้าพลังน้ำอันมากมายนี้ส่งผลให้ภูมิภาคนอร์ดิกผลิตกระแสไฟฟ้าราคาถูกที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยังเป็นไฟฟ้าที่ ‘เขียว’ ที่สุดในโลกอีกด้วย เพราะทรัพยากรและกระบวนการผลิตไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

Credit: Statkraft

ไฟฟ้าราคาถูกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิศาสตร์ที่เชื่อมต่อกับทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ตลอดจนอากาศอันหนาวเย็นแทบทั้งปีที่ช่วยลดความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ และยังมีแรงงานที่มีการศึกษาด้านเทคโนโลยีชั้นสูง เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกพากันไปสร้างศูนย์เก็บข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ประเทศแถบนอร์ดิกกันอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google จนถึง Amazon 

ตั้งแต่ก่อนที่โรคโควิด-19 จะระบาด สมาคมรัฐมนตรีในแถบนอร์ดิกประเมินว่า ภูมิภาคนอร์ดิกจะดึงดูดให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกมาลงทุนก่อสร้างเซิร์ฟเวอร์ที่คิดเป็นมูลค่า 2,000 – 4,300 ล้านยูโร (ประมาณ 74,000 – 158,500 ล้านบาท) ได้ ภายใน พ.ศ. 2568 

การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของโลกไม่เพียงส่งผลดีต่อพลเมืองในประเทศแถบนอร์ดิกเท่านั้น แต่ยังสร้างเศรษฐกิจใหม่ซึ่งกลายเป็นตัวดึงรายได้เข้าประเทศได้อย่างล้นเหลือในแต่ละปีอีกด้วย