เพื่อนคนหนึ่งเคยแนะนำว่า  ถ้าอยากเพิ่มช่องทางหารายได้ใหม่ ๆ ให้ลองเล่นคริปโตเคอร์เรนซี แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่แตกฉานในตลาดหุ้น และกำลังคิดจะกระโจนลงสู่ตลาดลงทุนออนไลน์แล้วล่ะก็ ลองถามตัวเองดูว่ารู้จัก ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ดีแค่ไหน

การซื้อขายหรือเทรดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังเป็นเทรนด์การลงทุนแนวใหม่ที่มาแรงในยุคดิจิทัล และเริ่มเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายมากขึ้น ถึงขนาดที่บริษัทชั้นนำหลายแห่งเริ่มรับชำระค่าสินค้าชิ้นใหญ่ ๆ อย่างรถยนต์ บ้าน หรือคอนโดมิเนียมด้วยคริปโตเคอร์เรนซีได้แล้ว แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ถ้าคิดจะเสี่ยง เราก็ควรต้องรู้จักที่จะเสี่ยงอย่างชาญฉลาด 

การเทรดคริปโตเคอร์เรนซีจะใช้ ‘เหรียญ’ ซึ่งมูลค่าจะผันแปรตามความต้องการ (Demand) ในเหรียญนั้น ๆ ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในเหรียญสกุลใด จึงจำเป็นต้องศึกษาและรู้จักคุณสมบัติของเหรียญแต่ละสกุลก่อน

ปัจจุบันทั่วโลกมีเหรียญมากกว่า 5,000 สกุล สำหรับในประเทศไทยได้รับอนุญาตให้สามารถซื้อขายเหรียญได้ทั้งหมดประมาณ 43 สกุล (ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2564) โดยผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ซึ่งเปิดบริการอยู่ล่าสุด 7 แห่ง ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) 1 แห่ง และผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) อีก 3 ราย ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ในช่วงแรกของการเทรดเหรียญ ควรเริ่มจากเหรียญที่ได้รับความนิยมสูง 5 อันดับแรกในไทยก่อน อย่าง Dogecoin (DOGE) Ethereum (ETH) Cardano (ADA) Binance Coin (BNB) และ Bitcoin (BTC) เพราะมีสภาพคล่องสูง ช่วยลดความเสี่ยงได้ จากนั้นเมื่อเชี่ยวชาญในการเทรดแล้ว จึงค่อยเพิ่มวงเงินขึ้นตามระดับความเสี่ยงของแต่ละคน

อธิบายให้เข้าใจง่ายมากขึ้นว่า การเล่นคริปโตเคอร์เรนซีก็เหมือนกับการซื้อเหรียญมาเก็งกำไรเพื่อได้ส่วนต่างจากการขาย แต่ความยากอยู่ตรงการเลือกจังหวะที่เหมาะสมในการปล่อยเหรียญที่เก็บไว้เก็งกำไรออกไป เพราะบางเหรียญซื้อมาในราคาสูงแต่ยังขายไม่ได้เสียที กลายเป็น “ติดดอย” อยู่อย่างนั้น ซึ่งหลายคนก็คงเคยได้ยินคำนี้ หรือเคยตกอยู่ในภาวะแบบนี้กันมาบ้าง 

แม้ธรรมชาติของการลงทุนย่อมมีการเคลื่อนไหวทั้งขึ้นและลงอยู่แล้ว ทว่าการติดดอยจากการที่ลงทุนซื้อเหรียญมาแพง แต่กลับหาจังหวะปล่อยออกไปทำกำไรไม่ได้นั้น เป็นเพราะนักลงทุนที่ลงทุนไปก่อนหน้าได้ปล่อยขายเหรียญออกมาเพื่อทำกำไรกัน จนทำให้ราคาเหรียญนั้นปรับตัวลง

นอกจากนี้ การติดดอยยังเกิดจากการเข้าซื้อผิดจังหวะ เพราะไปซื้อช่วงที่เหรียญราคาแพง จะปล่อยขายก็ทำใจลำบากเพราะรู้ว่าขาดทุนแน่นอน ครั้นจะเก็บเหรียญไว้ต่อ ก็เกรงว่าราคาจะยิ่งตกลงไปอีก นี่จึงเข้าข่ายการติดดอยในอีกรูปแบบหนึ่ง ฉะนั้น อาจต้องยอมถือเหรียญนั้นไปยาว ๆ เพื่อรอราคาดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่

ปัจจุบันการเล่นคริปโตเคอร์เรนซีในเมืองไทยนั้นจะเล่นผ่านแอปพลิเคชันที่มีอยู่มากมาย ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย โดยแอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ Bitkub, Satang Pro, Bitazza, Z .com EX, Zipmex และ Zipme ทั้ง 6 แอปพลิเคชันนี้ติดอันดับท็อปเท็นแอปพลิเคชันยอดนิยมในปี พ.ศ.2564 สำหรับขั้นตอนการเทรดก็ง่ายมาก แค่ลงทะเบียนในแอปฯ ผ่านมือถือก็สามารถเลือกลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา

แม้การเทรดคริปโตเคอร์เรนซีสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ก็จริง (สำหรับผู้ที่เล่นจริงจัง) แต่ถ้าคุณอยากลองเป็นนักลงทุนมือใหม่ ก็ควรศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อการลงทุน รวมถึงต้องหมั่นติดตามข่าวสารรอบด้าน เพราะตลาดทุนในโลกออนไลน์นั้น แม้จะให้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจ แต่ก็มีความอ่อนไหวไม่น้อยเลยทีเดียว