คนไทยกับทองคำเป็นเรื่องที่ผูกพันกันมานาน เรียกว่าเก็บเงินได้เมื่อไร หรือมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น เป็นต้องหาซื้อทองเก็บไว้ นั่นเพราะเราให้มูลค่ากับทองคำนั่นเอง แต่ปัจจุบันข้อมูลจากทั่วโลกเชื่อมโยงถึงกันรวดเร็ว ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นลงเร็วกว่าในอดีตมาก แล้วอย่างนี้ ‘ทองคำ’ เป็นสินทรัพย์ที่ควรจะถือครองในระยะยาวหรือระยะสั้น คำตอบจากนักวิเคราะห์หลายท่านแตกต่างกันไป แต่เห็นตรงกันว่าการลงทุนทองนั้นไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว 

ทองคำจะยังซื้อเก็บได้

ถึงอย่างไรทองคำยังถือเป็นทรัพยากร หรือสินทรัพย์ที่มีจำกัดอยู่ในโลกนี้ แต่ต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัด ถ้าซื้อเพื่อลงทุนต้องบริหารความเสี่ยงเป็น เพราะราคาทองคำมีความเหวี่ยงและผันผวนกว่าเมื่อก่อน โดยจะปรับราคาตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากทั่วโลก ฉะนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การถือทองคำในยุคนี้เป็นการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนในพอร์ตโดยรวมเท่านั้น และควรมีสินทรัพย์อื่นด้วย เช่น เงินสด พันธบัตร หุ้น กองทุนรวม สลากของธนาคาร เป็นต้น 


ไม่จำเป็นต้องซื้อทองคำที่ร้านอีกต่อไป

ปัจจุบันร้านค้าทองหลายแห่งได้พัฒนาระบบการซื้อขายทองคำอัตโนมัติในรูปแบบออนไลน์ ผู้ลงทุนจึงไม่ต้องฝ่ารถติดหรือเสียเวลาในการมาต่อแถวซื้อทองหน้าร้านอีกต่อไป แต่ควรศึกษากฎกติกาข้อปฏิบัติให้ชัดเจนก่อน 

ออมทองได้ทุกเดือน 

เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจซื้อทองแต่ไม่มีเงินก้อน เป็นการหักเงินในบัญชีเงินฝาก ส่วนใหญ่ขั้นต่ำอยู่ที่เดือนละ 1,000 บาท จึงเหมือนเป็นการออมทองทุกเดือน ซึ่งจะขายหรือเปลี่ยนมาเก็บเป็นทองคำจริง ๆ ก็ได้ แต่การลงทุนแบบนี้ต้องใช้เวลาในการสะสมทองสักหน่อย เพราะทองไม่ได้มีส่วนต่างราคาที่เหวี่ยงสูงเท่ากับราคาหุ้น และมูลค่าทองคำก็อยู่ในหลักหมื่นบาท ไม่ได้เป็นหลักร้อยหลักพันเหมือนสมัยก่อน


กองทุนรวมทองคำ

คือการลงทุนในทองคำแท่งผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ ดังนั้น มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมจึงอ้างอิงกับราคาทองคำโลก ซึ่งมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 

…ทองคำยังซื้อเก็บได้เหมือนเดิม แต่เราอาจจะคาดหวังมูลค่าในระยะเวลาที่ไม่เหมือนเดิม เพราะหลายครั้งที่ราคาทองตกนาน หรือมีการเหวี่ยงไม่แพ้ราคาน้ำมัน ปัจจุบันทองคำถือเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ราคาปรับขึ้นลงตามปัจจัยจากสถานการณ์โลกรายวัน