Grid Brief

  • ชาวอเมริกันตัดต้นไม้มากถึง 7 ตันต่อปี เพื่อนำไปผลิตเป็นกระดาษแข็งและผลิตภัณฑ์กระดาษ
  • กระดาษแข็งรีไซเคิล 1 ตัน ช่วยประหยัดพื้นที่ฝังกลบได้ 9 ลูกบาศก์หลา และการรีไซเคิลกระดาษแข็งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าการตัดต้นไม้เพื่อนำไปผลิตกระดาษชิ้นใหม่

ในยุคโควิด-19 มีผู้คนมากมายต้องกักตัวอยู่แต่ในที่พัก หรืออาจต้อง Work From Home การสั่งซื้อของออนไลน์จึงได้รับความนิยมมากขึ้น (จากเดิมที่มากอยู่แล้ว) ทำให้กล่องกระดาษแข็งที่ใช้บรรจุสินค้ากลายเป็นขยะรกบ้าน และหากไม่ถูกนำไปรีไซเคิลใหม่ก็จะกลายเป็นขยะล้นโลกในที่สุด ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถนำกล่องกระดาษเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ต่อได้มากกว่าใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

ไม้จำนวนมากถูกกองเรียงไว้เต็มไปหมด ด้านหลังเป็นโรงงานที่มีควันพวยพุ่งออกจากปล่องปล่อยควัน

กล่องกระดาษทำมาจากเยื่อไม้

กระดาษแข็งและกล่องกระดาษแข็งนั้นทำมาจากวัสดุธรรมชาติอย่างเยื่อไม้ และรู้หรือไม่ว่า ลำพังแค่ชาวอเมริกันชาติเดียวมีปริมาณการตัดต้นไม้สูงถึง 7 ตันต่อปี เพื่อนำไปผลิตเป็นกระดาษแข็งและผลิตภัณฑ์กระดาษ ขณะที่สหราชอาณาจักรนั้น อุตสาหกรรมผลิตกระดาษแข็งเป็นอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งมาก โดยคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านปอนด์ และมีแรงงานราว 27,000 คน ซึ่งในสหราชอาณาจักรเองมีการใช้กล่องกระดาษลูกฟูกในจำนวนที่มากถึง 5 พันล้านกล่องต่อปี หรือคิดเป็นคนละ 83 กล่องต่อปี โดยกล่องลูกฟูกมีลักษณะเป็นกล่องสีน้ำตาล มีชั้นกระดาษแข็งด้านในที่เป็นรอยหยักระหว่างแผ่นซับ ทำให้มีความหนาและทนทาน จึงนิยมนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์

กระดาษแข็งและผลิตภัณฑ์กระดาษ คิดเป็น 41% ของขยะมูลฝอยทั้งหมดในสหราชอาณาจักร ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วแต่ละครัวเรือนมีปริมาณการทิ้งกระดาษแข็งสูงถึง 13,000 ชิ้นต่อปี ส่วนใหญ่เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารและสินค้าขายปลีก ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนกระดาษแข็งและผลิตภัณฑ์กระดาษถูกทิ้งในแต่ละปีสูงถึง 850 ล้านตัน

กล่องกระดาษหลายขนาดวางซ้อนกัน ด้านบนมีสัญลักษณ์รีไซเคิลติดอยู่บนกำแพง

รีไซเคิลกล่องกระดาษ คือทางเลือกที่ยั่งยืน

เชื่อไหมว่า กระดาษแข็งรีไซเคิล 1 ตัน ช่วยประหยัดพื้นที่ฝังกลบได้ 9 ลูกบาศก์หลา และการรีไซเคิลกระดาษแข็งก็ถือเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าการตัดต้นไม้ เพื่อนำไปผลิตเป็นกระดาษขึ้นใหม่ ที่สำคัญผลิตภัณฑ์กระดาษแข็งส่วนใหญ่สามารถนำมารีไซเคิลได้ ยกเว้นบางชนิดเท่านั้น เช่น กล่องพิซซ่า และกล่องภาชนะบรรจุอาหารอื่น ๆ ที่ปนเปื้อนไปด้วยไขมัน แต่ก็สามารถตัดเฉพาะกระดาษแข็งส่วนที่สะอาดเพื่อนำไปรีไซเคิลต่อได้ 

ส่วนกล่องกระดาษแข็งชนิดอื่น ๆ เช่น กล่องน้ำผลไม้ กล่องนม รวมถึงกล่องบางชนิด จะถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้งหรือสารที่คล้ายกับขี้ผึ้ง ซึ่งส่งผลต่อการนำกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้น ควรตรวจสอบกล่องบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ โดยดูสัญลักษณ์การรีไซเคิล ซึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ประกอบกันด้วยลูกศรสามอัน พร้อมคำแนะนำก่อนนำไปรีไซเคิล

นอกจากนี้ กล่องกระดาษชนิดที่นำไปรีไซเคิลได้นั้น ไม่ควรทำให้เปียกน้ำหรือเกิดความชื้น เพราะจะทำให้เส้นใยกระดาษอ่อนตัวลง และทำให้คุณค่าของการนำไปรีไซเคิลนั้นลดน้อยตามไปด้วย อีกทั้งยังเพิ่มน้ำหนักที่ไม่จำเป็นให้กับกล่องอีกต่างหากด้วย 

สำหรับในบ้านเรา ปัจจุบันมีการรณรงค์ให้นำกล่องกระดาษแข็งที่ไม่ใช้แล้วไปทำเป็นเตียงสนาม ซึ่งเป็นโครงการที่เทสโก้ โลตัสร่วมมือกับ SCGP เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้อีกด้วย


เด็กฝรั่งกำลังถือกล่องกระดาษที่ข้างในมีทั้งกล่องกระดาษและกระดาษลัง

ฟินแลนด์ ผู้นำการรีไซเคิลกระดาษแข็ง

ในขณะที่ทั่วโลกประสบกับปัญหาภาวะโลกร้อนขึ้นทุกปี หลายประเทศหันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และรณรงค์การลดขยะ ด้วยการรีไซเคิลขยะทุกชนิดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขยะจากกล่องกระดาษที่มีจำนวนมหาศาล ซึ่งข้อมูลจาก Statista พ.ศ.2560 ระบุว่า ในสหภาพยุโรปนั้น  ฟินแลนด์มีอัตราการรีไซเคิลขยะจากกระดาษและกระดาษแข็งมากที่สุดถึง 116 % ตามด้วยกรีซและฝรั่งเศส ส่วนสองประเทศที่มีการรีไซเคิลขยะกระดาษต่ำสุด ก็คือสโลวาเกีย อยู่ที่ 74.2% และอันดับสุดท้ายคือโปรตุเกส 67%

อย่างไรก็ตาม ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาได้จัดโปรแกรมที่เรียกว่า US Paper Recovery ใน พ.ศ.2530 ได้กู้คืนเศษกระดาษและกระดาษแข็งที่ถูกทิ้งลงถังกลับมารีไซเคิลใหม่ ช่วยประหยัดพื้นที่ฝังกลบได้มากกว่า 90 ล้านลูกบาศก์หลา ทั้งนี้ การรีไซเคิลกระดาษแข็ง 1 ตัน ช่วยลดการตัดต้นไม้ได้ 17 ต้น ประหยัดน้ำ 7,000 แกลลอน ประหยัดน้ำมันถึง 46 แกลลอน และพลังงานไฟฟ้า 4,000 กิโลวัตต์ รวมไปถึงประหยัดพื้นที่ฝังกลบ 9 ลูกบาศก์หลา สถิติที่น่าทึ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการรีไซเคิล ซึ่งเป็นการช่วยโลกที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง