ก่อนหน้านี้มีช่วงที่อากาศเย็นลงให้หลายคนได้รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่มีความสุขแล้ว คุณยังสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าด้วยการปรับแต่งบ้านได้อีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนกันบ้าง

ห้องนอน

สมาชิกในบ้านหลายบ้านใช้เวลาอยู่ในห้องนี้มากที่สุด จึงควรติดผ้าม่านทึบแสงหรือ Blackout Curtain ซึ่งแสงลอดผ่านได้น้อยมาก อาจมีแค่แสงที่ลอดผ่านช่วงรอยต่อระหว่างผ้าม่านกับประตูหรือหน้าต่าง ควรติดผ้าม่านทึบแสงในห้องที่ใช้เวลาในห้องนั้นนานๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน เพราะผ้าม่านทึบแสงจะทำให้ห้องมืดเหมือนอยู่ในถ้ำ ถ้าเป็นห้องนอนก็จะช่วยให้นอนหลับสนิทขึ้นได้ หากเป็นห้องที่มีการใช้คอมพิวเตอร์หรือดูโทรทัศน์ในนั้น ผ้าม่านทึบแสงจะช่วยให้ไม่มีแสงสะท้อนหน้าจอ และช่วยปิดกั้นความร้อนไม่ให้เข้ามาในห้อง ถ้าเป็นหน้าร้อนจึงเย็นสบาย ขณะเดียวกันก็ช่วยกักความร้อนให้อยู่ในห้อง ในช่วงหน้าหนาวจึงรู้สึกอุ่นสบาย ทั้งยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ 25 เปอร์เซ็นต์ด้วย 


ห้องทำงาน 

ในยุคแห่งการ Work from Home ทำให้ผู้คนหันมาคุยงานผ่าน Zoom จนกลายเป็นแอปพลิเคชันที่เป็นที่รู้จักกันไปแล้ว แต่ผลการศึกษาล่าสุดจากมหาวิทยาลัย 3 แห่ง ได้แก่ Purdue University, Yale University และ Massachusetts Institute of Technology (MIT) พบว่า การปิดกล้องระหว่างประชุมผ่านวิดีโอหรือ Zoom จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 96 เปอร์เซ็นต์ 


ห้องนั่งเล่น 

หากดู Netflix เป็นเวลา 1 ชั่วโมงจะกินไฟประมาณ 0.77 กิโลวัตต์ ลองคำนวณกันว่าแต่ละวันนั่งดูซีรีส์กันไปแล้วกี่ชั่วโมง เสียไฟฟ้าไปแล้วเท่าไหร่ เราไม่ได้ให้คุณเลิกดู เพราะนี่ก็ถือเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง องค์กรในอังกฤษชื่อ Royal Society เลยออกมาบอกทางออกให้คนชอบดูหนังได้สบายใจว่า คุณจะดูนานเท่าไรก็ได้ แต่จะช่วยประหยัดพลังงานโลกได้มากหากดูความคมชัดแบบ SD ซึ่งสิ้นเปลืองพลังงานน้อยกว่าความคมชัดแบบ HD ถึง 8 เท่า

ห้องน้ำ

การอาบน้ำถือเป็นการใช้น้ำในครัวเรือน 17 เปอร์เซ็นต์ และถ้าคุณใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถือว่าใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 17 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน ยิ่งใครชอบอาบน้ำดึกหรือเป็นช่วงที่อากาศเย็น ทำให้ต้องอาบน้ำอุ่น วิธีใช้เครื่องทำน้ำอุ่นๆ ให้ประหยัด ก็คือการเปลี่ยนไปใช้หัวฝักบัวชนิดประหยัดน้ำ (Water Efficient Showerhead) ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำกว่าหัวฝักบัวธรรมดา 25-75 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้ 1 ครัวเรือนประหยัดน้ำได้ปีละ 10,977 ลิตร หรือเท่ากับประหยัดกระแสไฟฟ้าได้ 370 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี อุณหภูมิของน้ำอุ่นถ้าปรับให้อยู่ราว ๆ 50 องศาเซลเซียสจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ราวๆ ปีละ 12,000 บาท ส่วนใครที่กำลังจะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นใหม่ ควรเลือกแบบที่มีถังน้ำภายในตัวเครื่องและมีฉนวนหุ้ม ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ประหยัดไฟกว่าแบบที่ไม่มีถังน้ำภายใน ซึ่งต้องต้มน้ำให้ร้อนตลอดเวลา 


ห้องครัว

ถ้าคุณต้องการใช้น้ำร้อนให้ประหยัดพลังงานที่สุด ตัวเลือกมีดังนี้ กาต้มน้ำไฟฟ้าให้ประสิทธิภาพ 81 เปอร์เซ็นต์ ไมโครเวฟ 47 เปอร์เซ็นต์และเตาแก๊ส 30.5 เปอร์เซ็นต์ คำตอบคือ ใช้กาต้มน้ำประหยัดไฟที่สุด เพราะใช้ไฟฟ้าแค่ 0.04 กิโลวัตต์ชั่วโมง 

สำหรับตู้เย็นที่ไม่ว่าสภาพอากาศอย่างไร ทุกครัวเรือนก็ยังจำเป็นต้องใช้ตู้เย็นต่อไป อุณหภูมิเหมาะสมที่จะไม่ทำให้แบคทีเรียเติบโต อาหารไม่เน่าบูดอยู่ที่ 1.7 – 3.3 องศาเซลเซียส และ ควรใส่ของประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นที่ในตู้เย็น หากใส่ของเต็มแน่นจนไม่มีช่องว่างเลย ตู้เย็นยิ่งกินไฟมาก และไม่ควรเปิดปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองไฟฟ้ามาคอยปรับอุณหภูมิให้เหมือนเดิม


ห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ

การปรับอุณหภูมิให้เย็นลงทุก ๆ 1 องศาเซลเซียส จะสิ้นเปลืองไฟฟ้าเพิ่ม 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันการเพิ่มอุณหภูมิทุก ๆ 1 องศาเซลเซียสก็ช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน 3-4 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้น อยากประหยัดไฟแค่ไหน อยู่ที่ปลายนิ้วคุณในการกดตั้งอุณหภูมิที่รีโมทเครื่องปรับอากาศแล้วล่ะ 

Cover Illustration โดย Pattanaphoom P.