Grid Brief

  • สภาพพื้นที่เดิมซึ่งเป็นผนังคอนกรีตโล่ง ๆ และสระจอดเรือดำน้ำ กลายเป็นพื้นที่แสดงศิลปะดิจิทัลที่ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ใดในโลก
  • งานศิลปะทุกรูปแบบ แม้แต่ภาพวาดนีโอคลาสสิกหรือเพลงจากศตวรรษที่ 18 ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ในรูปแบบของศิลปะดิจิทัล
  • จากที่ต้องยืนชมงานศิลปะห่าง ๆ แต่เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์และเข้าไปอยู่ในตัวงานศิลปะด้วยก็ยังได้

สิ่งที่คนนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อเมืองบอร์โดซ์คือ ไวน์ ทว่าของดีน้องใหม่ของเมืองแห่งนี้ไม่ใช่ผลผลิตทางการเกษตรเท่านั้น  หากเป็นผลผลิตที่ตกค้างจากสงครามโลกครั้งที่ 2 

ฐานทัพ ‘นักฆ่าใต้สมุทร’ 

ในอดีต กองทัพเยอรมันสร้างฐานทัพเรืออู ซึ่งเป็นเรือดำน้ำเจ้าของสมญา ‘นักฆ่าใต้สมุทร’ ในดินแดนของฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมืองบอร์โดซ์ ในช่วงปี 1940 เมื่อฝ่ายอักษะยกธงขาว ฐานทัพเรือดำน้ำของนาซีย่อมผันแปรเป็นเศษซากสงครามโดยดุษฎี ทิ้งให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมแห่งเมืองบอร์โดซ์ขบคิดว่าจะทำอย่างไรกับพื้นที่กว้าง 160 เมตร ยาว 235 เมตร และสูง 19 เมตร กินพื้นที่รวม 41,000 ตารางเมตรนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารใหญ่ขนาดเท่ากับสนามเทนนิส 12 คอร์ตต่อกัน แล้วยังมีโรงงานไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเป็นของตัวเอง ซึ่งก่อสร้างโดยใช้คอนกรีต 600,000 ลูกบาศก์เมตรกับแรงงานมนุษย์อีก 6,500 คน 

เปลี่ยนสงครามเป็นศิลปะ

Culturespaces ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดนิทรรศการศิลปะเสนอตัวเข้ามาสร้างเสริมและซ่อมแซมฐานทัพเรืออูในตำนานสงคราม ให้กลายเป็นพงศาวดารทางศิลปวัฒนธรรมประจำเมืองบอร์โดซ์ โดยมุ่งหวังให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางศิลปะดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยงบประมาณ 10 ล้านยูโร (ประมาณ 347 ล้านบาท)

ภายในอาคารติดตั้งจอโปรเจ็กเตอร์ 90 จอ รวมพื้นผิวฉายภาพ 14,500 ตารางเมตร ฝังลำโพง 80 ตัว และมีโครงข่ายสายใยแก้วนำแสง 97,000 เมตร แบ่งเป็น 6 โซน ได้แก่ Le Cube ห้องเก็บเสียงที่แสดงผลงานของศิลปินที่ใช้เทคโนโลยีสร้างโลกจำลองจากดิจิทัล ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ได้กับโลกจริง 

พื้นที่ส่วน La Citerne จัดแสดงผลงานชิ้นดั้งเดิมของศิลปิน ขณะที่ Les Grands Nénuphars ฉายภาพศิลปะในน้ำ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติความเป็นมาของฐานทัพเรือดำน้ำแห่งนี้ พื้นที่เรียนรู้ให้ทำความรู้จักกับศิลปะดิจิทัล และสุดท้ายคือชั้นลอยที่ผู้เข้าชมจะได้ยลศิลปะจากมุมสูง 

นวัตกรรมนำศิลปะดิจิทัล

Culturespaces ยังมอบนามใหม่อันไพเราะ ซึ่งมีที่มาจากตัวสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยสระจอดเรือดำน้ำว่า ‘Les Bassins de Lumières’ (เลส์ บาส์ซัง เดอ ลูมิแยร์ส์) หรือสระแห่งแสงสว่าง 

เอกลักษณ์ที่แกลเลอรีหรือพิพิธภัณฑ์ใด ๆ ในโลกไม่มีคือ พื้นผิวแสดงภาพในน้ำ ซึ่งทาง Culturespaces อนุรักษ์ฐานทัพเรือดำน้ำเอาไว้โดยไม่แปรเปลี่ยนสภาพพื้นที่เดิม โดยเปลี่ยนสระจอดเรือดำน้ำเก่า 4 สระ ยาว 110 เมตร กว้าง 22 เมตร และลึก 12 เมตร ให้กลายเป็น ‘โปรเจ็กเตอร์น้ำ’ และใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนภาพเขียนแบน ๆ 2 มิติให้เคลื่อนไหวไปตามทำนองเพลงและแสงสี 

ความพิเศษคือลำโพงและแสงไฟทั้งหมดทำงานอย่างอิสระตามโปรแกรมที่เขียนไว้ราวกับมีชีวิตเป็นของตนเอง โดยไม่มีมนุษย์คอยควบคุม บางครั้งผู้ชมจึงได้เห็นสัตว์กระโจนออกจากภาพวาดบนผนัง ลงไปดำผุดดำว่ายในสระน้ำกันต่อหน้าต่อตา ส่วนภาพวาดที่เคยอยู่ในกรอบ เช่น ภาพ The Kiss ของคลิมต์ ก็เป็นครั้งแรกที่เราจะชมความงามได้รอบด้าน 360 องศา 

เสพศิลปะเก่าผ่านสายตาของอนาคต

การเปิดพิพิธภัณฑ์ประเดิมด้วยนิทรรศการสดุดีวิวัฒนาการทางศิลปะของจิตรกรชาวเวียนนา ‘Gustav Klimt’ (กุสตาฟ คลิมต์) ซึ่งใช้สีทองได้งดงาม สมกับชื่อ ‘สระแห่งแสงสว่าง’ โดยถ่ายทอดความสว่างเรืองรองผ่านทอง จึงเป็นที่มาของนิทรรศการชื่อ ‘Gustav Klimt : Gold and Colour’ แม้คนทั่วโลกจะคุ้นตากับผลงานภาพวาดชื่อดังอย่าง The Kiss, Judith and the Head of Holofernes และ Portrait of Adele Bloch-Bauer I ของเขา แต่ยังตะลึงลานเมื่อประสานสายตากับเหล่าหญิงสาวในภาพวาดของคลิมต์ที่ถูกฉายเต็มผนังสูง 12 เมตร ยาว 110 เมตร  

 ต่อจากนั้นเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการของ ‘Paul Klee’ (พอล คลี) ซึ่งมีฝีมือโดดเด่นด้านศิลปะคิวบิสม์และเซอร์เรียลิสม์ แต่น้อยคนจะรู้ว่าเขาสนใจดนตรี ซึ่งนิทรรศการ ‘Paul Klee : Painting Music’ ประสานความรักงานศิลป์ทั้งสองศาสตร์ของศิลปินชาวเยอรมันเข้าด้วยกัน ภาพวาดของเขาตะกายผนังไปตามทำนองเพลงโอเปร่า คอนแชร์โต และบทเพลง The Magic Flute ของโมสาร์ท 

ต่อด้วยการจัดเต็มทั้งศิลปะเสมือนจริงแบบดื่มด่ำ (Immersive Virtual Reality) และศิลปะปฏิสัมพันธ์ (Interactive Digital Art)  จึงนับเป็นความชาญฉลาดในการใช้เทคโนโลยีมาต่อยอดศิลปะทุกรูปแบบให้กลายเป็นศิลปะดิจิทัล ในยุคสมัยที่โลกก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลเต็มตัว

ซื้อตั๋วพาตัวไปชมศิลปะดิจิทัล

ทาง Les Bassins de Lumières ขอให้ผู้เข้าชมเว้นระยะห่างจากกัน แต่ด้วยพื้นที่กว้างขวางสำหรับผู้เข้าชมแต่ละคน ทุกคนจึงมีพื้นที่ส่วนตัวมากถึง 5 ตารางเมตรเป็นของตัวเองขณะเข้าชม และเปิดให้จองบัตรเข้าชมนิทรรศการทางออนไลน์เท่านั้นที่ https://bassins-lumieres.tickeasy.com/en-GB/home บัตร 1 ใบเข้าชมได้ทั้ง 3 นิทรรศการ ได้แก่ Gustav Klimt, Paul Klee และ Ocean Data ซึ่งจัดแสดงตั้งแต่ 10 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2020 เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เข้าชมฟรี