Grid Brief

  • ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากชีวิตส่วนตัวแล้ว วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้เกิดภาวะหมดไฟ (Burnout) ซึ่งเป็นวิกฤตในการทำงานที่ต้องเร่งหาทางแก้ไข
  • องค์กรมีส่วนช่วยป้องกันภาวะหมดไฟของพนักงานได้ ด้วยการสร้างบรรยากาศการทำงานทางไกล หรือ Remote Working ที่ส่งเสริมให้ทำงานได้สะดวกและมีความยืดหยุ่น
  • แชร์ 5 เทคนิคสำหรับคนทำงานที่แก้ภาวะหมดไฟอย่างได้ผล เช่น การพักผ่อนด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ ไปจนถึงการปรับทัศนคติการทำงาน เพื่อทบทวนความสามารถของตัวเอง ท้าทายตัวเองด้วยการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ

“ความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจที่เกิดจากความเครียดสะสมจนส่งผลกระทบเชิงลบ ภาวะนี้รวมถึงการไม่มีใจทำงาน และความรู้สึกไร้ประสิทธิภาพในอาชีพด้วย” นี่คือนิยามของภาวะหมดไฟ (Burnout) ที่ก่อตัวขึ้นได้ในคนทำงานแบบไม่รู้ตัว ซึ่งงานวิจัยในหัวข้อ “การทำงานทางไกลช่วยเพิ่มผลิตภาพและระงับภาวะหมดไฟ (Remote-Work Options Can Boost Productivity and Curb Burnout)” ได้สำรวจพนักงานเกือบ 7,500 คนทั่วโลก ได้กล่าวไว้

จากรายงานฉบับแรกของการวิจัยความเสมอภาคในอนาคตการทำงาน (Equity in the Future of Work) ของ Catalyst พบว่า พนักงาน 92% ทั่วโลกกำลังประสบภาวะหมดไฟจากความเครียดที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงาน ประสบการณ์การทำงานในช่วงโควิด-19 หรือชีวิตส่วนตัว

ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหมดไฟ ซึ่งเป็นวิกฤตการทำงานที่ก่อตัวและบั่นทอนแรงใจคนทำงาน เรามีเทคนิคแก้ปัญหานี้ทั้งสำหรับองค์กรและพนักงานให้นำไปปรับใช้ แบบทำง่ายได้ผลจริง ดังนี้


ภาวะหมดไฟ : ที่องค์กรต้องรู้ทันและนำไปปรับใช้

ลอร์เรน แฮริตัน ประธานและซีอีโอของ Catalyst กล่าวว่า “ภาวะหมดไฟนำไปสู่การลาออกจากงาน ซึ่งหนทางที่สามารถบรรเทาได้ คือ การทำงานทางไกล หรือ Remote Working รวมถึงการมีผู้นำที่รู้จักเห็นอกเห็นใจ ยอมรับความแตกต่าง และมีความยืดหยุ่น จะช่วยให้องค์กรเข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถได้มากขึ้น และมีอัตราการลาออกน้อยลง ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่และมีผลิตภาพ (Productivity) ในการทำงานเพิ่มขึ้นได้”

นอกจากนี้ แฮริตันยังแนะนำองค์กรถึงวิธีที่ช่วยป้องกันอาการหมดไฟของพนักงานด้วย โดยเน้นไปที่การสร้างบรรยากาศการทำงานทางไกลที่ส่งเสริมให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวกและยืดหยุ่น ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • กำหนดนโยบายทำงานทางไกลที่ระบุถึงสิ่งที่คาดหวังจากพนักงาน หัวหน้างาน และแต่ละทีมอย่างละเอียด เพื่อให้ได้เนื้องานที่มีประสิทธิภาพและตรงตามกำหนดเวลา จะทำให้พนักงานทำงานอย่างมีเป้าหมาย
  • พัฒนาทักษะของหัวหน้างาน เพื่อบริหารทีมจากทางไกลอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะทักษะการสื่อสารที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ เช่น การใช้แอปพลิเคชันประชุมออนไลน์ เพื่อการสื่อสารอย่างเข้าใจ
  • ลงทุนกับการโครงการช่วยเหลือพนักงานที่มีภาระในการเลี้ยงดูบุตร เพื่อลดปัญหาความเครียดที่มักเกิดขึ้นกับพนักงานในช่วงวิกฤต
  • หมั่นถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน เพื่อรับฟังและหาแนวทางแบ่งเบาปัญหา เพราะเมื่อใดที่สุขภาพจิตใจของพนักงานแย่ลง เมื่อนั้นประสิทธิภาพการทำงานก็จะลดลงตามไปด้วย

องค์กรมีส่วนช่วยป้องกันภาวะหมดไฟของพนักงานได้ ด้วยการสร้างบรรยากาศการทำงานทางไกล หรือ Remote Working ที่ส่งเสริมให้ทำงานได้สะดวกและมีความยืดหยุ่น

5 เทคนิคของคนทำงาน แก้อาการ Burnout ให้ได้ผล

การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance)

รวมถึงการปฏิบัติตาม 5 เทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้จะช่วยป้องกันและหยุดอาการหมดไฟในคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • พักกาย ดูแลใจ รีเฟรชร่างกายให้พร้อมทำงานอีกครั้ง เริ่มจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามเลี่ยงสิ่งเสพติด เหล้า บุหรี่ และกาแฟ หรือแนะนำให้ลาพักร้อนเป็นช่วงสั้น ๆ เพื่อรีเฟรชตัวเอง ด้วยการพักผ่อนให้เต็มที่ ให้กายและใจกลับมาสมดุล พร้อมทำงานอีกครั้ง
  • จัดระเบียบชีวิตใหม่ จัดลำดับความสำคัญของงาน และเลือกโฟกัสงานตามความสำคัญ เช่น ตื่นเวลาเดิมทุกวัน กำหนดเวลาในการทำงานให้ชัดเจน ไม่ทำงานตอนที่เลยเวลางานแล้ว เป็นต้น
  • ลดการใช้มือถือ แท็บเลต และหาทางผ่อนคลายด้วยวิธีอื่น ลดการเล่นมือถือและใช้โซเชียลมีเดียให้น้อยลง ด้วยกิจกรรมที่ชอบ ทำแล้วรู้สึกมีความสุข เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ หรือเที่ยวในสถานที่ใหม่ 
  • ปรับทัศนคติการทำงาน ทบทวนความสามารถของตัวเอง ลองกลับมาทบทวนว่าเรามีความสามารถในการทำงานด้านใดได้ดี มีทักษะอะไรที่ต้องพัฒนา งานแบบไหนที่ชอบหรือไม่ชอบ จะเห็นตัวการของภาวะหมดไฟและแก้ปัญหาได้ตรงจุด และลองมองความเครียดในมุมใหม่ว่าเป็นธรรมชาติของการทำงาน เพราะการเกิดความเครียดในระดับที่ควบคุมได้จะกลายเป็นผลดี ทำให้ใส่ใจทำงาน และได้ผลงานออกมาน่าพอใจ
  • ขอคำปรึกษาจากผู้ที่ไว้ใจได้ แชร์ความรู้สึกกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือผู้ที่ไว้ใจได้ แต่ถ้ายังไม่อยากคุยกับคนรอบตัว การไปพบผู้เชี่ยวชาญอย่างจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา ก็เป็นหนทางช่วยเยียวยาภาวะหมดไฟได้ดีเช่นกัน