Grid Brief

  • สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่ได้รับวัคซีนสูงสุดในโลก แต่อิสราเอลเป็นประเทศที่ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเร็วที่สุดในโลก
  • การฉีดวัคซีน Covid-19 เข็มแรกเพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ แต่การได้รับการฉีดครบ 2 เข็มจะเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่า
  • ปัจจุบันวัคซีนของบริษัท Pfizer-Biontech และ Moderna เป็นวัคซีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 300 titers

การที่จำนวนวัคซีนโควิด-19 ไม่เพียงพอกับความต้องการของประชากรทั่วโลก ทำให้เกิดคำถามว่า เราจำเป็นต้องฉีดวัคซีนครบ 2 โดสหรือไม่ และหากได้รับการฉีดเพียงเข็มเดียวจะมีผลอย่างไรในการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 เรามีคำตอบ แต่ก่อนอื่นเรามีข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนนี้มาบอกกัน

อิสราเอลเป็นชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสเร็วที่สุดในโลก 

เชื่อไหมว่า ปัจจุบันประเทศที่ประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ยุโรป สหราชอาณาจักร และอินเดีย (ข้อมูลจาก Statista เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564) ซึ่งรายงานจาก CNBC (Consumer News and Business Channel)  ระบุว่า สหรัฐอเมริกาใช้เงินราว 3 แสนล้านบาทเพื่อจองวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท Pfizer-Biontech & BioNTech, Moderna และ Oxford/AstraZeneca รวมกัน 700 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอต่อจำนวนประชากร 328 ล้านคนทั่วประเทศ และยังมีสำรองไว้อีกหลาย 10 ล้านโดส

ทว่า อิสราเอลกลับเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนมากที่สุดในโลก โดยเริ่มฉีดเข็มแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ซึ่งนายเบนยามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของประเทศเป็นคนแรกที่ฉีด โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอล เผยว่า มีชาวอิสราเอลได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประมาณ 1.7 ล้านคน (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2564) และผลการสำรวจพบว่า  ความเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยจากโควิด-19 นั้นลดลงถึง95.8% และวัคซีนยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเป็นไข้หรือปัญหาการหายใจได้ 98%  ช่วยป้องกันการป่วยรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตถึง 98.9%

ปัจจุบันวัคซีนของบริษัท Pfizer-Biontech และ Moderna เป็นวัคซีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 300 titers

ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น หลังได้รับวัคซีนเข็มแรก 14 วัน

สถาบันวิจัย Clalit Health Service  1 ใน 4 ขององค์กรด้านการรักษาสุขภาพของชาวอิสราเอล (HMOs) ได้ศึกษาเปรียบเทียบการติดเชื้อในกลุ่มคน 200,000 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับวัคซีน พบว่า ทั้งสองกลุ่มยังคงมีอัตราการติดเชื้อใกล้เคียงกันเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ แต่หลังจากวันที่ 14  กลุ่มที่ได้รับวัคซีนครั้งแรกจะมีอัตราการติดเชื้อลดลง และเมื่อถึงวันที่ 17 กลุ่มที่ฉีดวัคซีนมีการติดเชื้อลดลง 33% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีด

ดร.พอลฮันเตอร์ ศาสตราจารย์ของโรงเรียนแพทย์นอริช แห่งมหาวิทยาลัย East Anglia ประเทศอังกฤษ ได้ศึกษาเพิ่มเติมพบว่า ภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลังการฉีด 14 วัน และเมื่อถึงวันที่ 21 จะป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 90% เลยทีเดียว

จำเป็นไหมที่ต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 2

แม้ว่าข้อมูลจากการวิจัยดังกล่าวจะบ่งบอกว่า หลังการฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียวจะช่วยให้มีภูมิคุ้มกัน แต่อย่างไรก็ดี เป็นไปได้ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครั้งแรกอาจจะมีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อโควิด-19 เพียงบางส่วนเท่านั้น และหากทิ้งช่วงเวลาของการฉีดวัคซีนนานเกินไป ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน 

ทั้งนี้ โทมัส เดนนี หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Duke Human Vaccine Institute (DHVI) กล่าวเอาไว้ว่า “การฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรฉีดให้ครบ 2 เข็ม เพราะเข็มแรกเป็นการฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนเข็มที่2 จะช่วยให้วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยวัคซีน Pfizer 1 เข็มจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของคนทั่วไปราว 50% ส่วนการฉีด Moderna  1 ครั้งจะลดความเสี่ยงได้ 80% และหากฉีดวัคซีนครบ 2 ครั้ง จะลดความเสี่ยงได้ถึง 95%” 

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ The Center for Disease Control (CDC) แนะนำว่า หากฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer ให้ฉีดเข็มที่ 2 ภายใน 3 สัปดาห์แรกนับจากวันที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก และหากฉีดวัคซีน Moderna ให้ฉีดเข็มที่ 2 ภายใน 4 สัปดาห์ แต่ไม่ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดก็ไม่ควรเว้นระยะการฉีดเข็มที่ 2 ไว้นานเกิน 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้จริงๆ  ก็สามารถฉีดต่อได้โดยไม่ต้องจำเป็นต้องกลับไปเริ่มต้นเข็มแรกใหม่ แต่ไม่ควรฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เร็วกว่าข้อมูลข้างต้น

ประเภทของวัคซีน Covid-19

  • Viral-Vector Vaccineคือ วัคซีนที่ใช้เชื้อไวรัสที่ทำให้เชื้ออ่อนแอลง ไม่สามารถทำให้เกิดโรค แล้วนำมาตัดต่อใส่รหัสพันธุกรรม เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ได้แก่ Oxford ChAdOx1 ของบริษัท AstraZeneca ว่ากันว่า กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 200 titers
  • mRNA Vaccineคือการใช้รหัสพันธุกรรมบางส่วนของเชื้อไวรัสมาฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ได้แก่ Pfizer-Biontech, Moderna กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 300 titers ปัจจุบันเป็นวัคซีนที่ได้รับความนิยมนำมาฉีดให้กับประชากรมากที่สุด
  • Inactivated Vaccineคือ วัคซีนที่ทำให้เชื้อไม่สามารถก่อโรคได้อีก และเริ่มใช้ในวงจำกัดที่ประเทศจีน โดยเป็นของบริษัท Sinovac, Sinopharm, Wuhan Institute ว่ากันว่า เป็นวัคซีนที่ได้ผลดี เพราะนำไวรัสทั้งตัวมาฆ่าให้ตาย อีกทั้งยังเป็นชนิดที่ได้รับความนิยมรองลงมาจาก mRNA
  • Protein-nanoparticle Vaccineคือ วัคซีนที่ใช้โปรตีนส่วนหนึ่งของไวรัสร่วมกับส่วนอื่นๆ ฉีดกระตุ้นเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ได้แก่ Novavax กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 3,000 titers

Cover Illustration โดย Pattanaphoom P.